top of page
Siri Writer

อาการผิดปกติของอวัยวะเพศหญิง ที่ผู้หญิงควรระวัง

Updated: May 17, 2024

การดูแลรักษาสุขอนามัยของอวัยวะเพศหญิง ก็มีความสำคัญมากเท่าเทียมกับการดูแลรักษาสุขอนามัยของร่างกายโดยทั่วๆ ไป เพราะอาการผิดปกติของอวัยวะเพศหญิง ที่ผู้หญิงควรระวัง นั้นเป็นอาการผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบตั้งแต่เล็กน้อย จนกระทั้งมีความรุนแรงต่อสุขภาพทั้งร่างกาย และจิตใจได้ ฉะนั้นต้องหมั่นสังเกตตัวเองว่ามีอาการผิดปกติอย่างไรบ้าง เพื่อหาทางป้องกัน และลดความเสี่ยงจากโรคร้ายทั้งหลายเหล่านั้น

ภาพแสดงอาการผิดปกติของอวัยวะเพศชาย ที่ผู้ชายควรระวัง
อาการผิดปกติของอวัยวะเพศหญิง ที่ผู้หญิงควรระวัง

อาการผิดปกติของอวัยวะเพศหญิง

ผู้หญิงทุกคนควรเอาใส่ใจ อวัยวะเพศของตัวเอง หากพบความผิดปกติ ก็ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาได้อย่างถูกต้องต่อไป ดังนี้

อาการ

เสี่ยงต่อโรค

มีตุ่มแผลเล็ก ๆ สีแดงขอบนูนแข็งขึ้น และแตกออกกลายเป็นแผลกว้าง

โรคซิฟิลิส

มีอาการตกขาว เหลือง หรือเทาออกจากบริเวณช่องคลอด มีกลิ่นเหม็น, ปัสสาวะมีหนอง เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน ปวดขณะมีรอบเดือน และเจ็บอวัยวะเพศขณะ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ คัน หรือแสบร้อนภายในและรอบ ๆ ช่องคลอด

โรคหนองใน หรือโรคหนองในเทียม

มีตุ่มน้ำใสๆ หรือแผลพุพองเล็ก ๆ ที่ขึ้นบริเวณรอบ ๆ อวัยวะเพศ อวัยวะเพศบวมแดง มีอาการตกขาว และมีกลิ่นคาว

โรคเริม


มีติ่งเนื้อที่มีลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนัก และบริเวณฝีเย็บ หูดอาจมีขนาดเล็กๆ หรือโตมาก การตั้งครรภ์จะทำให้หูดโตเร็วกว่าปกติ

โรคหูดหงอนไก่

มีตุ่มนูนเล็ก ๆ ตุ่มใส ขึ้นมา หรือเป็นแผลขนาดเล็ก ตื้น ๆ บริเวณอวัยวะเพศ และมีอาการปวดท้องน้อย หรือปวดหลังส่วนล่าง เนื่องจากต่อมน้ำเหลืองที่โตเป็นส่วนที่อยู่ในช่องท้อง

โรคฝีมะม่วง

มีตุ่มขึ้นเหมือนสิว เม็ดสีขาวขุ่นเล็กๆ หรือลักษณะเป็นตุ่มเนื้อนูนกลมที่มีรอยบุ๋มอยู่ตรงกลาง และมีของเหลวเหนียวอยู่ภายในตุ่มเนื้อด้วย

โรคหูดข้าวสุก หรืออาจจะตุ่มไขมันอักเสบ

บริเวณอวัยวะเพศเป็นแผล และมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย หรือมีตุ่มแดง รอยโดนกัดที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก บริเวณใกล้เคียง ทำให้ระคายเคือง หรืออาการคันมากในบริเวณอวัยวะเพศ

โรคโลน

ระคายเคือง หรืออาการคันบริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอด, รู้สึกแสบช่องคลอด โดยเฉพาะเมื่อปัสสาวะ, ตกขาวมีลักษณะข้น คล้ายชีสสด, อาการบวมแดงที่ช่องคลอดและปากช่องคลอด, มีรอยแตกเป็นแผลที่ผนังของปากช่องคลอดหรือช่องคลอด และเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์

โรคเชื้อราในช่องคลอด

ต่อมบาร์โธลิน บวมจนเป็นก้อน จนเกิดอาการปวด,  มีอาการเจ็บระหว่างขา ขณะทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน และการอักเสบจะทำให้ฝีแตก มีหนองออกมา เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น

โรคฝีต่อมบาร์โธลิน

เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด,มีอาการไม่สบายบริเวณหัวหน่าว ปัสสาวะบ่อยขึ้น หรืออาจกดบริเวณทวารหนักทำให้ท้องผูก และมีอาการเหนื่อยง่าย หรือหน้ามืดเป็นลมได้บ่อย

 โรคเนื้องอกมดลูก

มีอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง บางรายปวดมากจนเป็นลม คลื่นไส้อาเจียน บางรายปวดมากจนต้องหยุดงาน และในกรณีที่รอยโรคอยู่ติดกับลำไส้ ก็มักทำให้มีอาการปวดหน่วงลงทวารหนักในช่วงที่มีเลือดประจำเดือน ส่วนอาการอื่นๆ ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปวดท้องน้อยเรื้อรัง เจ็บในอุ้งเชิงกรานขณะมีเพศสัมพันธ์

โรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ หรือช็อกโกแลตซีสต์

ตกขาวจะมีสีขาวเนียนปนสีเทาอ่อน มีกลิ่นเหม็นอับคล้ายกลิ่นคาวปลาเค็ม กลิ่นมักจะรุนแรงหลังการร่วมเพศหรือหลังหมดระดูใหม่ๆ ระดับความรุนแรงของกลิ่นแตกต่างกันไป บางคนไม่มีกลิ่น บางคนมีกลิ่นแรงจนคนข้างเคียงได้กลิ่น อาจมีอาการระคายเคืองบริเวณปากช่องคลอด และเจ็บช่องคลอดเวลามีเพศสัมพันธ์

 โรคช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย

ปวดอุ้งเชิงกราน มีตกขาวผิดปกติ เหม็น ไม่หายเรื้อรัง หรือเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

มะเร็งปากมดลูก

อาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดมามากขึ้น หรือมาไม่เป็นรอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือนหรือวัยหมดประจำเดือน

มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

ปวด  แน่น  อึดอัดท้อง หรือคลำพบก้อนในท้อง และบ่อยครั้งที่อาการปวดท้องแน่นท้องไม่เฉพาะเจาะจงโดยอาจมีอาการคล้ายกับโรคทางเดินอาหารผิดปกติ

มะเร็งรังไข่

มีเลือดในปัสสาวะ ปัสสาวะพร้อมมีเศษคล้ายก้อนกรวดที่เกิดจากก้อนนิ่วที่แตกเล็กลง ปวดเอวข้างที่มีก้อนนิ่ว และคลื่นไส้อาเจียน

โรคนิ่วในไต

ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย หรือมามากผิดปกติ โดยสังเกตจากการเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยกว่าปกติ, ประจำเดือนมานานเกิน 7 วันขึ้นไป, ประจำเดือนขาดโดยไม่ได้เกิดจากการตั้งครรภ์, มีลิ่มเลือดปนออกมากับประจำเดือน และยังคงมีประจำเดือนอยู่ แม้จะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนแล้วก็ตาม

ภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ

ปัญหาเกี่ยวกับความผิดปกติของอวัยวะเพศหญิงนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย หากไม่ระมัดระวังในการ ใช้ชีวิต จากข้อมูลข้างต้น เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่อาจใช้ในการตัดสินเกี่ยวกับโรคที่เกิดขึ้นได้ 100% ฉะนั้นหากเกิดอาการข้างต้นเหล่านั้น ควรจะต้องให้แพทย์เป็นผู้ซักถามประวัติเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ และตรวจอาการของโรคอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อทำการรักษาที่ถูกต้อง และรวดเร็วต่อไป

Comments


bottom of page