การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันและรักษาโรคให้ทันท่วงทีเป็นสิ่งที่สำคัญมากในปัจจุบัน เนื่องจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย การติดเชื้อที่อวัยวะเพศเป็นที่เป็นที่นิยมของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น
การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการตรวจจับโรคในระยะเริ่มต้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปยังคู่สมรส หรือผู้ที่มีสัมผัสกับผู้ป่วย ซึ่งเป็นการป้องกันการระบาดของโรค
เพื่อความปลอดภัยและการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม ผู้ที่มีความเสี่ยงควรได้รับการการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรไปปรึกษาแพทย์ และรับคำแนะนำในการรักษาและการดูแล อีกทั้งยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้โดยการใช้วิธีการป้องกันทางเพศ เช่น การสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
ในทางที่ดีที่สุด การรักษาและการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรเป็นมาตรฐานที่สำคัญในการดูแลสุขภาพทางเพศของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยในการรักษาและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คืออะไร?
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือที่เรียกกันว่า STI (ย่อมาจาก Sexually Transmitted Infection) หรือ STD (ย่อมาจาก Sexually Transmitted Diseases) คือ โรคทุกอย่างที่ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยติดต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ในที่นี้การมีเพศสัมพันธ์ หมายถึง การจูบ, การสัมผัส หรือถูอวัยวะเพศ, การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปาก (การใช้ปากกับอวัยวะเพศ), การร่วมเพศ (องคชาตในช่องคลอด องคชาตในทวารหนัก), การใช้เซ็กซ์ทอย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีโอกาสติดต่อได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง และถ้าหากติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์ บางครั้งอาจส่งผลกระทบถึงเด็กทารกในครรภ์โดยเป็นการติดต่อจากแม่สู่ลูกได้ด้วย
ทำไมต้องตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ และรวมไปถึงตรวจก่อนแต่งงาน หรือตรวจก่อนการตั้งครรภ์ เพื่อลดการแพร่กระจ่ายเชื้อโรคแล้วนั้น ซึ่งในบางโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่แสดงอาการ โดยเฉพาะผู้หญิง เช่น เชื้อเอชไอวี ซึ่งกว่าผู้ติดเชื้อจะทราบอาการก็อยู่ในระยะรุนแรงที่ยากต่อการดูแลรักษา อีกทั้งโรคติดต่อบางโรคยังเป็นสาเหตุโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก เกิดจากการติดเชื้อ HPV บางสายพันธ์ และมะเร็ง ตับ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
ดังนั้นเมื่อมีความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ อาจมีอาการแสดงบางอย่าง เช่น เจ็บปวดอวัยวะเพศ คัน มีผื่น ตุ่ม แผล บริเวณอวัยวะเพศ เป็นฝี มีน้ำหนองไหล และในกรณีผู้หญิงหากมีตกขาวสีเหลือง ตกขาวมีกลิ่นเหม็น ก็ควรงดการมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และควรรีบไปพบแพทย์
อาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย
ในบางครั้งมักไม่แสดงอาการเลย โดยอาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จะมีความแตกต่างกันออกไปตามชนิดของโรค ซึ่งอาการต่างๆ อาจเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศอย่างเดียว หรือเกิดกับอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายได้ทั้งหมด โดยเราสามารถสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้
มีไข้ ไม่สบาย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
มีอาการระคายเคืองที่อวัยวะเพศ
มีอาการปวดท้องน้อย
มีตกขาวผิดปกติ หรือตกขาวเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ
ตกขาวมีกลิ่น มีอาการคัน หรือระคายเคือง
มีตุ่ม มีผื่น หรือแผล บริเวณอวัยวะเพศ มือ หรือเท้า
ปวดหรือมีตุ่มทั้งภายในและภายนอกอวัยวะเพศ หรือบริเวณทวารหนัก
อาจมีน้ำเหลืองหรือน้ำหนอง ไหลออกมาจากปลายอวัยวะเพศชาย
อวัยวะเพศหญิงมีเลือดไหลผิดปกติ
เจ็บหรือแสบขัดเวลาปัสสาวะ
มีอาการเจ็บแสบ หรือเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
ใครที่ควรตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่มักไม่ได้อยู่ในโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีโดยทั่วไป หรืออาจตรวจได้ไม่ครบตามที่ต้องการ ฉะนั้นหากมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ก็ควรไปพบแพทย์ ดังนี้
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ในขณะที่ยังมีอายุน้อย
ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ (มีคู่นอนมากกว่า 1คน ใน 3 เดือนที่ผ่านมา)
ผู้ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับเพศ หรือการสัมผัสทางเพศกับหลายๆคน
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิง หรือชายขายบริการทางเพศโดยไม่สวมถุงยางอนามัย
ผู้ที่การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ทางทวารหนัก
ผู้ที่สวมถุงยางอนามัยรั่ว ถุงยางอนามัยแตก หลุด ฉีกขาดขณะมีเพศสัมพันธ์
การใช้สารเสพติดร่วมขณะมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะการใช้สารเสพติดที่มีการใช้เข็มร่วมกันรวมถึงใช้อุปกรณ์เสริมทางเพศอื่น ๆ ร่วมกัน
ผู้ที่กำลังวางแผนจะแต่งงาน หรือมีบุตร ก็ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่นกัน เพื่อป้องกันเชื้อแพร่สู่คู่รัก และลูกในครรภ์
ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ มีโอกาสเสี่ยงอย่างมากที่จะติดโรคจากการถูกล่วงละเมิด เพราะไม่ทราบถึงสุขอนามัยของผู้กระทำ
มีอาการผิดปกติที่อาจติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น คัน เป็นผื่น ตุ่ม เป็นฝี มีหนองไหล หรือเจ็บป่วยที่อวัยวะเพศ ปัสสาวะแสบขัด มีตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น
การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีอะไรบ้าง?
การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สามารถค้นหาสาเหตุของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้ แม้ยังไม่มีอาการของโรค โดยจะได้รับการทดสอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของการติดเชื้อที่ต้องสงสัย:
การตรวจเลือด (blood test)
ใช้เพื่อวินิจฉัยซิฟิลิส เอชไอวี และบางครั้งเริม
ในระหว่างการทดสอบ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพจะเก็บตัวอย่างเลือดจากหลอดเลือดดำที่แขนของคุณโดยใช้เข็มขนาดเล็ก หลังจากสอดเข็มแล้ว เลือดจำนวนเล็กน้อยจะถูกเก็บลงในหลอดทดลองหรือขวด
การตรวจปัสสาวะ (urine test)
ใช้เพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อTrichomoniasis และบางครั้งโรคหนองใน
ในระหว่างการทดสอบ คุณจะต้องจัดเตรียมตัวอย่างปัสสาวะที่ปลอดเชื้อในถ้วยตามคำแนะนำของผู้ให้บริการ
การเก็บตัวอย่างของเหลว (swab test)
ใช้ในการวินิจฉัย HPV หนองในเทียม โรคหนองใน และเริม
ในระหว่างการทดสอบ ผู้ให้บริการจะใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดแบบพิเศษเพื่อเก็บตัวอย่างจากบริเวณที่เกิดการติดเชื้อ ในสตรี อาจเก็บตัวอย่างจากช่องคลอดหรือปากมดลูก ในผู้ชาย อาจเก็บตัวอย่างจากองคชาตหรือท่อปัสสาวะ ซึ่งเป็นท่อนำปัสสาวะออกจากร่างกาย
ตรวจภายใน (Pap smears)
ปกติแล้วการตรวจด้วยวิธีแปป สเมียร์ เป็นการตรวจเพื่อสังเกตอาการเริ่มต้นของมะเร็งปากมดลูก แต่มะเร็งปากมดลูกก็อาจเกิดจากการติดเชื้อ HPV เมื่อมีเพศสัมพันธ์ได้เช่นกัน
การเจาะเอว หรือที่เรียกว่าการเจาะกระดูกสันหลัง (Lumbar puncture, also known as a spinal tap)
นี่ไม่ใช่การทดสอบ STD ที่ใช้บ่อย แต่อาจสั่งได้หากผู้ให้บริการของคุณคิดว่าคุณเป็นโรคซิฟิลิสระยะลุกลาม หรือหากการติดเชื้อเริมส่งผลต่อสมองหรือไขสันหลังของคุณ
สำหรับการทดสอบนี้ ผู้ให้บริการจะฉีดยาชาที่หลังของคุณ ดังนั้นคุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ ในระหว่างทำหัตถการ
เมื่อบริเวณนั้นชาแล้ว ผู้ให้บริการจะสอดเข็มกลวงบางๆ ระหว่างกระดูกสันหลัง 2 ชิ้นที่กระดูกสันหลังส่วนล่างของคุณ กระดูกสันหลังเป็นกระดูกชิ้นเล็กๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นกระดูกสันหลังของคุณ ผู้ให้บริการของคุณจะถอนของเหลวจำนวนเล็กน้อยเพื่อทำการทดสอบ
การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีการตรวจโรคอะไรบ้าง?
รายการการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ของแต่ละคลินิก หรือโรงพยาบาลก็อาจแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่โรคที่มักตรวจกันบ่อยๆ คือ
เชื้อเอชไอวี (HIV)/โรคเอดส์ (AIDS)
โรคหนองใน (Gonorrhea)
โรคหนองในเทียม (Chlamydia)
โรคซิฟิลิส (Syphilis)
โรคเริม (Herpes)
ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)
ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis ซี)
โรคมะเร็งปากมดลูก (HPV)
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
สามารถทานอาหารมาก่อนเข้าตรวจได้ตามปกติ
งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนตรวจสุขภาพ
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
หลีกเลี่ยงการตรวจช่วงที่มีประจำเดือน ควรรอตรวจหลังจากที่ประจำเดือนหมดไปแล้วอย่างน้อย 7 วัน
ห้ามตรวจภายในมาก่อนในช่วง 24 ชั่วโมง เพราะอาจมีสารหรือยาไปปนเปื้อนอยู่
ห้ามใช้ผ้าอนามัยชนิดสอด ครีมหรือยา ที่ใช้ทางช่องคลอดอื่น ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
ห้ามล้างหรือทำความสะอาดในช่องคลอดภายใน 48 ชั่วโมงก่อนมาตรวจ เพราะอาจไม่มีเซลล์เหลือให้ตรวจ
ห้ามมีเพศสัมพันธ์ก่อนมารับการตรวจ 48 ชั่วโมง
ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้ที่ไหนดี
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจจะแสดงอาการ หรือไม่แสดงอาการก็ได้ หากไม่มีอาการผิดปกติ ทางเดียวที่จะรู้ได้ คือ การไปพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งโรคเหล่านี้จำเป็นจะต้องรักษาเฉพาะทางเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถทำได้ ณ โรงพยาบาลทุกแห่งทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน ซึ่งหากใครที่ไม่สะดวกไปตรวจที่โรงพยาบาล สำหรับประเทศไทยก็มีคลินิกหลายแห่งที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการตรวจโรคทางเพศสัมพันธ์
กทม. | โรงพยาบาลของภาครัฐ และเอกชน หรือคลินิกเฉพาะทางที่มีการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
ต่างจังหวัด | โรงพยาบาลของภาครัฐ และเอกชน หรือคลินิกเฉพาะทางที่มีการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีความสำคัญมากในการรักษาสุขภาพทางเพศและป้องกันโรคที่อาจส่งผลกระทบทั้งต่อร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีความซับซ้อนและสามารถถ่ายทอดได้ง่าย การตรวจคัดกรองที่เป็นประจำช่วยในการตรวจจับโรคในระยะเริ่มต้น ทำให้สามารถรักษาโรคได้อย่างทันท่วงที และลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อให้กับคนรอบตัว
ดังนั้น การให้ความสำคัญ และการส่งเสริมการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญที่ทั้งทางราชการ และสังคมควรร่วมมือกันในการสนับสนุน เพื่อสร้างสังคมที่มีสุขภาพทางเพศที่แข็งแรง และปลอดภัยสำหรับทุกคน
Comentarios