top of page
Siri Writer

ความสำคัญของการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

Updated: Dec 10, 2023

การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันและรักษาโรคให้ทันท่วงทีเป็นสิ่งที่สำคัญมากในปัจจุบัน เนื่องจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย การติดเชื้อที่อวัยวะเพศเป็นที่เป็นที่นิยมของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น


การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการตรวจจับโรคในระยะเริ่มต้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไปยังคู่สมรส หรือผู้ที่มีสัมผัสกับผู้ป่วย ซึ่งเป็นการป้องกันการระบาดของโรค

เพื่อความปลอดภัยและการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม ผู้ที่มีความเสี่ยงควรได้รับการการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรไปปรึกษาแพทย์ และรับคำแนะนำในการรักษาและการดูแล อีกทั้งยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้โดยการใช้วิธีการป้องกันทางเพศ เช่น การสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์


ในทางที่ดีที่สุด การรักษาและการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรเป็นมาตรฐานที่สำคัญในการดูแลสุขภาพทางเพศของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยในการรักษาและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที

ภาพรวมเกี่ยวกับความสำคัญของการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อสุขภาพที่ดีและการป้องกันโรคทางเพศ
ความสำคัญของการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คืออะไร?

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือที่เรียกกันว่า STI (ย่อมาจาก Sexually Transmitted Infection) หรือ STD (ย่อมาจาก Sexually Transmitted Diseases) คือ โรคทุกอย่างที่ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยติดต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ในที่นี้การมีเพศสัมพันธ์ หมายถึง การจูบ, การสัมผัส หรือถูอวัยวะเพศ, การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปาก (การใช้ปากกับอวัยวะเพศ), การร่วมเพศ (องคชาตในช่องคลอด องคชาตในทวารหนัก), การใช้เซ็กซ์ทอย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีโอกาสติดต่อได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง และถ้าหากติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์ บางครั้งอาจส่งผลกระทบถึงเด็กทารกในครรภ์โดยเป็นการติดต่อจากแม่สู่ลูกได้ด้วย

ทำไมต้องตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ และรวมไปถึงตรวจก่อนแต่งงาน หรือตรวจก่อนการตั้งครรภ์ เพื่อลดการแพร่กระจ่ายเชื้อโรคแล้วนั้น ซึ่งในบางโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่แสดงอาการ โดยเฉพาะผู้หญิง เช่น เชื้อเอชไอวี ซึ่งกว่าผู้ติดเชื้อจะทราบอาการก็อยู่ในระยะรุนแรงที่ยากต่อการดูแลรักษา อีกทั้งโรคติดต่อบางโรคยังเป็นสาเหตุโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก เกิดจากการติดเชื้อ HPV บางสายพันธ์ และมะเร็ง ตับ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และเชื้อไวรัสตับอักเสบซี

ดังนั้นเมื่อมีความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ อาจมีอาการแสดงบางอย่าง เช่น เจ็บปวดอวัยวะเพศ คัน มีผื่น ตุ่ม แผล บริเวณอวัยวะเพศ เป็นฝี มีน้ำหนองไหล และในกรณีผู้หญิงหากมีตกขาวสีเหลือง ตกขาวมีกลิ่นเหม็น ก็ควรงดการมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และควรรีบไปพบแพทย์

ภาพรวมเกี่ยวกับอาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย และความสำคัญของการตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันและรักษาโรค
อาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย

อาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย

ในบางครั้งมักไม่แสดงอาการเลย โดยอาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จะมีความแตกต่างกันออกไปตามชนิดของโรค ซึ่งอาการต่างๆ อาจเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศอย่างเดียว หรือเกิดกับอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายได้ทั้งหมด โดยเราสามารถสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้

  • มีไข้ ไม่สบาย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

  • มีอาการระคายเคืองที่อวัยวะเพศ

  • มีอาการปวดท้องน้อย

  • มีตกขาวผิดปกติ หรือตกขาวเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ

  • ตกขาวมีกลิ่น มีอาการคัน หรือระคายเคือง

  • มีตุ่ม มีผื่น หรือแผล บริเวณอวัยวะเพศ มือ หรือเท้า

  • ปวดหรือมีตุ่มทั้งภายในและภายนอกอวัยวะเพศ หรือบริเวณทวารหนัก

  • อาจมีน้ำเหลืองหรือน้ำหนอง ไหลออกมาจากปลายอวัยวะเพศชาย

  • อวัยวะเพศหญิงมีเลือดไหลผิดปกติ

  • เจ็บหรือแสบขัดเวลาปัสสาวะ

  • มีอาการเจ็บแสบ หรือเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์


ใครที่ควรตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่มักไม่ได้อยู่ในโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีโดยทั่วไป หรืออาจตรวจได้ไม่ครบตามที่ต้องการ ฉะนั้นหากมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ก็ควรไปพบแพทย์ ดังนี้

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ในขณะที่ยังมีอายุน้อย

  • ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ (มีคู่นอนมากกว่า 1คน ใน 3 เดือนที่ผ่านมา)

  • ผู้ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับเพศ หรือการสัมผัสทางเพศกับหลายๆคน

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิง หรือชายขายบริการทางเพศโดยไม่สวมถุงยางอนามัย

  • ผู้ที่การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ทางทวารหนัก

  • ผู้ที่สวมถุงยางอนามัยรั่ว ถุงยางอนามัยแตก หลุด ฉีกขาดขณะมีเพศสัมพันธ์

  • การใช้สารเสพติดร่วมขณะมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะการใช้สารเสพติดที่มีการใช้เข็มร่วมกันรวมถึงใช้อุปกรณ์เสริมทางเพศอื่น ๆ ร่วมกัน

  • ผู้ที่กำลังวางแผนจะแต่งงาน หรือมีบุตร ก็ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่นกัน เพื่อป้องกันเชื้อแพร่สู่คู่รัก และลูกในครรภ์

  • ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ มีโอกาสเสี่ยงอย่างมากที่จะติดโรคจากการถูกล่วงละเมิด เพราะไม่ทราบถึงสุขอนามัยของผู้กระทำ

  • มีอาการผิดปกติที่อาจติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น คัน เป็นผื่น ตุ่ม เป็นฝี มีหนองไหล หรือเจ็บป่วยที่อวัยวะเพศ ปัสสาวะแสบขัด มีตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น

ภาพรวมเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวิธีการตรวจที่สำคัญในการรักษาสุขภาพทางเพศของคุณ
การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีอะไรบ้าง

การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีอะไรบ้าง?

การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สามารถค้นหาสาเหตุของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้ แม้ยังไม่มีอาการของโรค โดยจะได้รับการทดสอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของการติดเชื้อที่ต้องสงสัย:

การตรวจเลือด (blood test)

  • ใช้เพื่อวินิจฉัยซิฟิลิส เอชไอวี และบางครั้งเริม

  • ในระหว่างการทดสอบ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพจะเก็บตัวอย่างเลือดจากหลอดเลือดดำที่แขนของคุณโดยใช้เข็มขนาดเล็ก หลังจากสอดเข็มแล้ว เลือดจำนวนเล็กน้อยจะถูกเก็บลงในหลอดทดลองหรือขวด

การตรวจปัสสาวะ (urine test)

  • ใช้เพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อTrichomoniasis และบางครั้งโรคหนองใน

  • ในระหว่างการทดสอบ คุณจะต้องจัดเตรียมตัวอย่างปัสสาวะที่ปลอดเชื้อในถ้วยตามคำแนะนำของผู้ให้บริการ

การเก็บตัวอย่างของเหลว (swab test)

  • ใช้ในการวินิจฉัย HPV หนองในเทียม โรคหนองใน และเริม

  • ในระหว่างการทดสอบ ผู้ให้บริการจะใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดแบบพิเศษเพื่อเก็บตัวอย่างจากบริเวณที่เกิดการติดเชื้อ ในสตรี อาจเก็บตัวอย่างจากช่องคลอดหรือปากมดลูก ในผู้ชาย อาจเก็บตัวอย่างจากองคชาตหรือท่อปัสสาวะ ซึ่งเป็นท่อนำปัสสาวะออกจากร่างกาย

ตรวจภายใน (Pap smears)

  • ปกติแล้วการตรวจด้วยวิธีแปป สเมียร์ เป็นการตรวจเพื่อสังเกตอาการเริ่มต้นของมะเร็งปากมดลูก แต่มะเร็งปากมดลูกก็อาจเกิดจากการติดเชื้อ HPV เมื่อมีเพศสัมพันธ์ได้เช่นกัน

การเจาะเอว หรือที่เรียกว่าการเจาะกระดูกสันหลัง (Lumbar puncture, also known as a spinal tap)

  • นี่ไม่ใช่การทดสอบ STD ที่ใช้บ่อย แต่อาจสั่งได้หากผู้ให้บริการของคุณคิดว่าคุณเป็นโรคซิฟิลิสระยะลุกลาม หรือหากการติดเชื้อเริมส่งผลต่อสมองหรือไขสันหลังของคุณ

  • สำหรับการทดสอบนี้ ผู้ให้บริการจะฉีดยาชาที่หลังของคุณ ดังนั้นคุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ ในระหว่างทำหัตถการ

  • เมื่อบริเวณนั้นชาแล้ว ผู้ให้บริการจะสอดเข็มกลวงบางๆ ระหว่างกระดูกสันหลัง 2 ชิ้นที่กระดูกสันหลังส่วนล่างของคุณ กระดูกสันหลังเป็นกระดูกชิ้นเล็กๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นกระดูกสันหลังของคุณ ผู้ให้บริการของคุณจะถอนของเหลวจำนวนเล็กน้อยเพื่อทำการทดสอบ


การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีการตรวจโรคอะไรบ้าง?

รายการการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ของแต่ละคลินิก หรือโรงพยาบาลก็อาจแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่โรคที่มักตรวจกันบ่อยๆ คือ

  1. เชื้อเอชไอวี (HIV)/โรคเอดส์ (AIDS)

  2. โรคหนองใน (Gonorrhea)

  3. โรคหนองในเทียม (Chlamydia)

  4. โรคซิฟิลิส (Syphilis)

  5. โรคเริม (Herpes)

  6. ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)

  7. ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis ซี)

  8. โรคมะเร็งปากมดลูก (HPV)


การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  • สามารถทานอาหารมาก่อนเข้าตรวจได้ตามปกติ

  • งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนตรวจสุขภาพ

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง

  • หลีกเลี่ยงการตรวจช่วงที่มีประจำเดือน ควรรอตรวจหลังจากที่ประจำเดือนหมดไปแล้วอย่างน้อย 7 วัน

  • ห้ามตรวจภายในมาก่อนในช่วง 24 ชั่วโมง เพราะอาจมีสารหรือยาไปปนเปื้อนอยู่

  • ห้ามใช้ผ้าอนามัยชนิดสอด ครีมหรือยา ที่ใช้ทางช่องคลอดอื่น ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง

  • ห้ามล้างหรือทำความสะอาดในช่องคลอดภายใน 48 ชั่วโมงก่อนมาตรวจ เพราะอาจไม่มีเซลล์เหลือให้ตรวจ

  • ห้ามมีเพศสัมพันธ์ก่อนมารับการตรวจ 48 ชั่วโมง

ภาพรวมเกี่ยวกับสถานที่ที่ดีที่สุดในการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำหรับการดูแลสุขภาพทางเพศของคุณ
ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ที่ไหนดี

ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้ที่ไหนดี

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจจะแสดงอาการ หรือไม่แสดงอาการก็ได้ หากไม่มีอาการผิดปกติ ทางเดียวที่จะรู้ได้ คือ การไปพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งโรคเหล่านี้จำเป็นจะต้องรักษาเฉพาะทางเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถทำได้ ณ โรงพยาบาลทุกแห่งทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน ซึ่งหากใครที่ไม่สะดวกไปตรวจที่โรงพยาบาล สำหรับประเทศไทยก็มีคลินิกหลายแห่งที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการตรวจโรคทางเพศสัมพันธ์

​กทม.

​โรงพยาบาลของภาครัฐ และเอกชน หรือคลินิกเฉพาะทางที่มีการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

​ต่างจังหวัด

​โรงพยาบาลของภาครัฐ และเอกชน หรือคลินิกเฉพาะทางที่มีการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีความสำคัญมากในการรักษาสุขภาพทางเพศและป้องกันโรคที่อาจส่งผลกระทบทั้งต่อร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีความซับซ้อนและสามารถถ่ายทอดได้ง่าย การตรวจคัดกรองที่เป็นประจำช่วยในการตรวจจับโรคในระยะเริ่มต้น ทำให้สามารถรักษาโรคได้อย่างทันท่วงที และลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อให้กับคนรอบตัว


ดังนั้น การให้ความสำคัญ และการส่งเสริมการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญที่ทั้งทางราชการ และสังคมควรร่วมมือกันในการสนับสนุน เพื่อสร้างสังคมที่มีสุขภาพทางเพศที่แข็งแรง และปลอดภัยสำหรับทุกคน


Comentarios


bottom of page