การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ และการคุมกำเนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการใช้ถุงยางอนามัยที่ผิดวิธี ก็อาจเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหา เช่น ถุงยางแตก ถุงยางฉีกขาด หรือถุงยางรั่ว ขณะมีเพศสัมพันธ์ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม ฉะนั้นหากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นต้องทำอย่างไร หรือมีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไรหากต้องเผชิญเหตุการณ์ดังกล่าว ฉะนั้นการควรมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง ให้มีความปลอดภัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหากมีปัญหาด้านถุงยางอนามัยในขณะมีเพศสัมพันธ์ จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรใส่ใจเพื่อสุขภาพที่ดีของตนเองและคนรัก
วิธีสังเกต ถุงยางแตก ถุงยางฉีกขาด หรือถุงยางรั่ว
ถุงยางอนามัยมีจุดรูเล็ก ๆ หรือรอยฉีกขาดออกจากกัน ไม่ผสานเป็นเนื้อเดียวจนทำให้ของเหลวสามารถไหลผ่านออกไปไม่อยู่ในกระเปาะ หรือตัวถุงยางอย่างที่ควร ซึ่งวิธีสังเกตเมื่อเกิดการหลั่งน้ำอสุจิแล้วปรากฏไม่มีน้ำหลงเหลืออยู่ในถุงยางอยู่เลยก็สันนิษฐานได้ว่ามีโอกาสถุงยางแตก ฉีดขาด หรือรั่ว สูงมาก ดังนี้
ก่อนใช้ เมื่อสวมถุงยางอนามัยเข้าไปแล้ว ถุงยางอนามัยจะมีกระเปาะเล็กๆ อยู่ตรงปลาย ให้กดกระเปาะเล็กๆ ตรงปลายลง หากยุบตัวแล้วไม่คืนสภาพเดิม แสดงว่าถุงยางรั่ว แต่หากกระเปาะคืนสภาพเดิมแสดงว่าถุงยางอยู่ในสภาพดี เมื่อทดสอบเสร็จแล้ว ก็ควรบีบปลายกระเปาะเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกในขณะสอดใส่
หลังใช้ ให้สังเกตที่กระเปาะของถุงยาง หากปลายกระเปาะเก็บน้ำอสุจิไว้แสดงว่าถุงยางปกติ แต่หากไม่เหลือสิ่งใดอยู่ปลายกระเปาะ พึงสงสัยได้ว่าถุงยางอนามัยอาจรั่ว หรือมีอีกวิธี ด้วยการทดสอบหลังจากใช้งานแล้ว ด้วยการนำถุงยางไปใส่น้ำเพื่อหารอยรั่วซึม ถ้ามีน้ำรั่วน้ำซึมออกมา แสดงว่าถุงยางรั่ว หากไม่มีน้ำรั่วซึมออกมาก็วางใจได้ แสดงว่าเราใช้ถุงยางอนามัยได้ถูกวิธี ถ้าเป็นอย่างนี้ก็สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ได้
สาเหตุที่ทำให้ถุงยางแตก ถุงยางฉีกขาด หรือถุงยางรั่ว
การที่ถุงยางแตก ถุงยางฉีกขาด หรือถุงยางรั่ว ขณะมีเพศสัมพันธ์ ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก นอกเสียจากว่าจะมีพฤติกรรมบางอย่างที่คุณเผลอกระทำโดยไม่รู้ตัว หรือเพิกเฉยถึงข้อควรระวังการใช้ จึงอาจก่อให้เกิดถุงยางแตกขึ้นมาได้ โดยเกิดจากสาเหตุหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นสภาพถุงยางอนามัยที่ใช้ และปัจจัยอื่น ดังนี้
ขนาดถุงยางเล็กเกินไป หรือขนาดถุงยางเล็กกว่าขนาดอวัยวะเพศ โดยผู้ใช้เลือกถุงยางอนามัยที่มีขนาดเล็กเกินไป ส่งผลให้ไม่เหลือพื้นที่บริเวณปลายสุดของถุงยางเมื่อหลั่งอสุจิออกมา ทำให้เมื่อสวมใส่แล้วโอกาสฉีกขาดมีสูง
ถุงยางอนามัยที่หมดอายุ หรือเก่ามากอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของถุงยาง ผู้ใช้ควรดูวันหมดอายุที่ระบุบนหีบห่อก่อนนำมา
เก็บถุงยางไม่เหมาะสม เช่น โดนแสงแดด อยู่ในที่อุณหภูมิสูง หรือโดนกดทับเป็นเวลานาน ผู้ที่วางถุงยางอนามัยทิ้งไว้ในที่ที่มีแสง และอุณหภูมิร้อนจะทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพ ดังนั้น ไม่ควรเก็บถุงยางไว้ในที่ที่อับ และเกิดความร้อนได้ง่าย เช่น ช่องเก็บของในรถ หรือกระเป๋าเงิน เป็นต้น
ถุงยางฉีกขาด เกิดขึ้นได้หากถูกฟันกัด เล็บกรีดจนขาด หรือใช้ของมีคม ในการฉีกบรรจุภัณฑ์ถุงยางผิดวิธี จนไปโดนกับตัวถุงยาง และฉีกขาด หรือรั่ว
สวมถุงยางไม่ถูกต้อง ไม่มีการบีบปลายกระเปาะจนทำให้อากาศอัดแน่นมากเกินไปและมีโอกาสถุงยางแตกได้ง่าย
สารหล่อลื่นไม่พอ การมีเพศสัมพันธ์โดยที่สารหล่อลื่นจากอวัยวะเพศน้อยเกินไปอาจส่งผลให้ถุงยางแตกได้ คู่รักที่ร่วมเพศทางทวารหนัก หรือช่องคลอดควรใช้สารหล่อลื่นอื่นช่วย โดยเลือกสารหล่อลื่นชนิดละลายน้ำแทนสารหล่อลื่นชนิดน้ำมัน
การใช้สารหล่อลื่นแบบน้ำมัน สารหล่อลื่นชนิดน้ำมันจะทำให้ยางของถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพ จนทำให้ถุงยางแตกได้ง่าย โดยสารหล่อลื่นที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสมมีหลายอย่าง เช่น น้ำมันทาผิวเด็ก หรือน้ำมันพืช เป็นต้น
การสอดใส่ลำบาก หากสอดใส่ขณะร่วมเพศลำบาก ควรใช้ถุงยางอนามัยคุณภาพดีมากหรือเพิ่มสารหล่อลื่น เพื่อลดการเสียดสีจนทำให้ถุงยางแตก
ความเสี่ยงจากถุงยางแตกมีอะไรบ้าง?
หากเกิดถุงยางแตก ถุงยางฉีกขาด ถุงยางรั่ว หรือเลื่อนหลุดออกมาขณะมีเพศสัมพันธ์ มีความเสี่ยงดังนี้
ความเสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ หากเกิดถุงยางแตกขณะมีเพศสัมพันธ์ อาจเสี่ยงติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเชื้อเอชไอวีได้ หากเกิดอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการตรวจ และวินิจฉัยโรค เช่น มีอาการปวดท้อง คันระคายเคือง มีแผล ตุ่มพอง หรือก้อนนูนขึ้นบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ รวมทั้งตกขาวผิดปกติ หรือเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน
ความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์ไม่พร้อมนับเป็นปัญหาที่คู่รักหลายคู่กังวลเมื่อถุงยางแตกขณะร่วมเพศ หากพบว่าถุงยางแตก เบื้องต้นฝ่ายชายอาจหลั่งนอก เพื่อป้องกันการหลั่งอสุจิเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ของฝ่ายหญิง
เมื่อถุงยางแตก ควรทำอย่างไร?
หากเกิดถุงยากแตก หรือเลื่อนหลุดออกมาขณะมีเพศสัมพันธ์ ควรปฎิบัติตามขั้นตอนดังนี้
ถ้ารู้ว่าถุงยางแตก ให้รีบเปลี่ยนชิ้นใหม่ทันที หรือควรหยุดการมีเพศสัมพันธ์ทันที แล้วตั้งสติ
ล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศภายนอกด้วยน้ำ และสบู่จนสะอาด
สำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด
ฝ่ายหญิงควรรีบเข้าห้องน้ำ และปัสสาวะออกมา เพื่อขับตัวอสุจิที่อาจอยู่ใกล้ท่อปัสสาวะ โดยนั่งยอง ๆ และขมิบกล้ามเนื้อช่องคลอดขณะที่นั่งปัสสาวะ และควรทำความสะอาดอวัยวะเพศตนเอง โดยราดน้ำอุ่นที่อวัยวะเพศขณะที่นั่งยอง ๆ บนโถสุขภัณฑ์
ห้ามฉีดน้ำ หรือล้าง ข้างในช่องคลอด เนื่องจากหากยิ่งฉีด ตัวอสุจิ หรือเชื้อแบคทีเรียจะยิ่งเข้าไปในช่องคลอดมากขึ้น ส่งผลให้เสี่ยงตั้งครรภ์ หรือได้รับเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ การฉีดน้ำเข้าไปในช่องคลอดยังไปล้างแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยป้องกันการเกิดภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
สำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทางประตูหลัง
ไม่ควรฉีดน้ำ หรือล้างข้างในช่องทวาร เนื่องจากแรงฉีดน้ำอาจทำให้เกิดแผลในทวารหนัก ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเชื้อเอชไอวีมากขึ้นอีกหลายเท่า
ควรถ่ายเพื่อกำจัดอสุจิที่อาจตกค้างออกมาให้มากที่สุด
สำหรับการทำออรัลเซ็กส์
ควรคาย หรือกลืนอสุจิทันที ไม่อมอสุจิไว้ในปาก
บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด
ไม่ควรแปรงฟัน หรือใช้ไหมขัดฟันเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหลังถุงยางแตก และอสุจิเข้าปาก
รีบไปพบแพทย์ทันที
เพื่อรับยาต้านฉุกเฉิน (PEP) เพื่อทำการป้องกันตัวเอง จากเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ฝ่ายหญิง ควรรับยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ในกรณีที่ไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น โดยรับประทานยาภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังถุงยางแตก เนื่องจากอาจเสี่ยงตั้งครรภ์ได้
ควรเข้ารับการตรวจสุขภาวะทางเพศภายใน 14 วันหลังถุงยางแตก หรือเร็วกว่านั้นในกรณีที่เกิดอาการอื่น
ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี
กินยาจนครบตามที่แพทย์สั่ง หลังจากนั้นกลับมาพบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจเลือดยืนยันว่า ไม่มีการติดเชื้อใดๆหลังจากมีความเสี่ยงถุงยางแตก
วิธีป้องกันถุงยางแตก
ปัญหาถุงยางแตกป้องกันได้ โดยต้องใส่ใจเรื่องการเก็บรักษา และวิธีใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงถุงยางแตก ดังนี้
ไม่ใช้ถุงยางอนามัยที่หมดอายุ โดยดูวันหมดอายุที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ก่อนนำมาใช้ทุกครั้ง เนื่องจากถุงยางอนามัยจะเสื่อมสภาพเมื่อเริ่มเก่า หรือหมดอายุแล้ว
เลือกใช้ถุงยางอนามัยให้เหมาะสมกับขนาดอวัยวะเพศของตนเอง เลือกไซร์ตามขนาดของแต่ละบุคคลไม่หลวมไม่แน่นจนเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่คนไทยจะใส่ไซร์ 49 หรือ 52 หรือ 54
เวลาฉีกซองถุงยางควรดันถุงยางลงมาอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง แล้วจึงฉีกไม่งั้นอาจฉีกโดนถุงยางขาดได้
ห้ามฉีกซองถุงยางอนามัยออกมาด้วยของมีคม เช่น กรรไกร หรือกัดด้วยฟัน รวมทั้งสวมถุงยางอนามัยอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันเล็บไปกรีดถุงยางจนเกิดรอยรั่ว หรือขาด
ก่อนสวมใส่ให้ตรวจสภาพถุงยางก่อนว่ามีรอยรั่ว แตก หรือฉีกขาดตรงจุดไหนหรือไม่
ควรสวมถุงยางอนามัยให้ดีก่อนมีเพศสัมพันธ์ ใส่ขณะอวัยวะเพศแข็งตัว โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อนซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและเป็นที่เก็บน้ำอสุจิ อีกมือค่อย ๆ ดึงถุงยางเข้าหาตัวขณะสวมใส่ จากนั้นรูดให้สุดโคนอวัยวะเพศเพื่อจะได้ไม่หลุดขณะทำภารกิจ
ระยะเวลาในการใช้งาน การใช้ 1 ชิ้นจะต้องใช้ไม่เกิน 30 นาที เพราะความสมบูรณ์ของตัวถุงยางอนามัยอาจจะเสื่อมสภาพลง ทำให้ถุงยางอนามัยรั่วได้ ควรใช้เพียงครั้งเดียว ใช้แล้วทิ้งเท่านั้น ห้ามนำกลับมาใช้ใหม่โดยเด็ดขาด
ควรใช้ถุงยางอนามัยเพียงครั้งเดียว ไม่นำกลับมาใช้ซ้ำ
ควรสวมถุงยางอนามัยเพียงชิ้นเดียว หากสวมถุงยางอนามัยมากกว่านั้น อาจก่อให้เกิดการเสียดสีจนถุงยางอนามัยฉีกขาดได้
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้วควรใช้กระดาษทิชชูพันรอบโคนอวัยวะเพศแล้วรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาจากนั้นทิ้งลงถังขยะให้เรียบร้อยและทำความสะอาด
หากพบว่าถุงยางแตก หรือขาดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ควรหยุดกิจกรรมทางเพศทันทีและเปลี่ยนถุงยางอนามัยชิ้นใหม่
ไม่ควรใช้โลชั่น น้ำมัน หรือสารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมัน แต่เลือกใช้สารหล่อลื่นชนิดน้ำเท่านั้น ถ้าจะใช้สารหล่อลื่น ควรใช้สารหล่อลื่นที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและห้ามใช้วาสลีนเด็ดขาดเพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น
การเก็บรักษาให้พ้นจากความร้อน หรือแสงแดด และไม่ควรเก็บในที่ชื้น เช่น ในช่องเก็บของบนพาหนะเนื่องจากมีความร้อนสูง และไม่ควรเก็บในที่ถูกทับ หรือบีบรัด เช่น กระเป๋ากางเกง กระเป๋าเงิน เพราะจะมีการกดทับหักงอ ทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดได้ง่าย หรือซองบรรจุฉีกขาดทำให้มีการปนเปื้อนจากภายนอกได้
การเรียนรู้ถึงสาเหตุ และวิธีการจัดการเมื่อถุงยางแตกขณะมีเพศสัมพันธ์ เป็นเรื่องสำคัญ หากต้องเผชิญกับสถานการณ์ ถุงยางแตก ถุงยางฉีกขาด หรือถุงยางรั่ว จะได้ปฏิบัติตามขั้นตอนได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้อง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม และยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจ และความปลอดภัย ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
Comments